[FanFiction
B.A.P]
Where are you…LOVE? (Part 2)
Couple: Bang Yongguk & Jung Daehyun (BANGDAE)
Rate: PG-15
Author note: พาร์ทนี้สั้นมากกกกนะ T T
หลายคนคงคิดว่าทำไมเขาถึงยอมตกลงปลงใจมาค้างห้องคนอื่นง่ายๆ
ทั้งๆ ที่เพิ่งคุยกันได้ไม่ถึงสิบนาที?
หลังจากที่แดฮยอนตอบรับข้อเสนอของชายที่ชื่อ บังยงกุก
ไปแล้วเขาก็เพิ่งมาคิดได้เหมือนกันว่าเราเพิ่งจะทำความรู้จักกันเพียงไม่กี่นาทีแต่ทำไมเขากลับไว้ใจที่จะฝากตัวไว้กับชายแปลกหน้าคนนี้ได้?
หรือเป็นเพราะความใจดีเลยทำให้เขาไว้ใจ?
แต่บางทีคนเรามันก็ไม่มีทางเลือกนี่นา..
ถ้าเป็นในสถานการณ์ที่เขาอยู่ข้างนอกแล้วมีคนมาชวนให้ไปค้างด้วยร้อยทั้งร้อยเขาคงปฏิเสธ
แต่นี่ห้องของเขาก็อยู่แค่ฝั่งตรงข้ามนี่เองแถมแดฮยอนก็ไม่ใช่คนคิดมากอะไร คนที่อยู่ห้องข้างๆ
ก็รู้จักกันทั้งนั้น เลยคิดเสียว่ามาทำความรู้จักกับเพื่อนบ้าน(ห้อง)ใหม่ก็ได้
เกิดคนที่ชื่อยงกุกอะไรนี่หลอกไปทำเรื่องมิดีมิร้ายจริงๆ
อย่างน้อยเขาก็มีคนให้ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือได้ทั้งชั้น
พอเข้ามาในห้องของยงกุกแล้วเจ้าของห้องก็ขอตัวไปทำธุระส่วนตัวสักพักเพราะเจ้าตัวบ่นว่าออกไปข้างนอกมาทั้งวันรู้สึกเหนอะหนะตัวจะแย่
แดฮยอนเองก็ขัดอะไรไม่ได้อยู่แล้วจึงมานั่งเล่นโทรศัพท์รออยู่ตรงห้องรับแขกเพราะเขาก็ไม่รู้จะทำอะไรเหมือนกัน
ผ่านไปไม่ถึงสิบนาทียงกุกก็กลับออกมาอีกครั้งด้วยชุดเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงบอลที่ดูจะสบายกว่าตอนที่เจอกันครั้งแรกมาก
“คุณทานอะไรมาหรือยัง? โทษทีเพิ่งย้ายเข้ามาเมื่อวานเลยยังไม่ค่อยมีของกินติดตู้เท่าไหร่น่ะแต่พอมีรามยอนติดมาอยู่จะเอามั้ย?”
แดฮยอนส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธพร้อมบอกกลับว่าตนนั้นได้ทานเข้ามาแล้วหลังเลิกงานและก็ขอบคุณในน้ำใจของยงกุกอีกครั้ง
ตอนนี้ร่างบางนั่งอยู่บนโซฟาตรงกลางห้องพลางสำรวจรอบๆ ตัวไปด้วย
ข้าวของเครื่องใช้บางส่วนที่ยังจัดไม่เสร็จวางรวมกันอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องกับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ถูกหยิบออกมาใช่เพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น
ยงกุกหายเข้าไปในห้องนอนสักพักก็ออกมาพร้อมกับเสื้อผ้าหนึ่งชุดยื่นให้กับร่างบาง
เขาพยายามหาตัวที่เล็กที่สุดแล้วในบรรดาเสื้อผ้าทั้งหมดที่เขามี
เห็นจะมีก็แต่เสื้อยืดกับกางเกงบ็อกเซอร์เท่านั้นหวังว่าจะพอแก้ขัดไปได้สักหนึ่งคืน
“ผมมีเสื้อผ้าไซส์เล็กสุดก็ประมาณนี้แหละ
หวังว่าคุณจะใส่มันได้นะ?”
“ไม่เป็นไรครับ! แค่นี้ผมก็รบกวนคุณจะแย่แล้ว..”
แดฮยอนรับเสื้อกับผ้าขนหนูมาถือไว้ในมือแล้วยิ้มกลับไปให้เป็นเชิงขอบคุณ
ร่างสูงชี้บอกว่าห้องน้ำอยู่ถัดไปจากโซนครัวร่างบางพยักหน้ารับรู้ก่อนจะขอเวลาไปทำธุระส่วนตัว
ส่วนยงกุกก็นั่งจัดขอไปพลางๆ ระหว่างรอ
ผ่านไปสักพักร่างที่หายไปก่อนหน้านี้ก็กลับออกมาพร้อมกับกลิ่นสบู่ที่เขาเพิ่งซื้อมาติดห้องไว้เมื่อวาน
กลิ่นของมันเป็นเป็นกลิ่นหอมเย็นๆ แบบที่ยงกุกชอบด้วย
ร่างของคนตัวเล็กเดินมาทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ
คนที่เป็นเจ้าของห้องพร้อมกับออกปากว่าจะช่วยอีกคนจัดของเป็นการตอบแทนสำหรับที่พักในคืนนี้
ว่ากันตามตรงถ้าเขาไม่เจอยงกุกล่ะก็เขาก็ไม่รู้จะไปค้างที่ไหนเหมือนกัน
เพื่อนสมัยเรียนก็แยกย้ายกันไปทำงานตามที่ต่างๆ ซึ่งก็จำไม่ได้ว่าที่ไหนบ้าง
เพื่อนที่รู้จักและยังคงอยู่ในโซลเห็นจะมีแต่คู่รักหมาหมู จู แอนด์ แจ นี่แหละนะ
ทั้งคู่พยายามสร้างความคุ้นเคยโดยการถามไปนู่นนี่นั่นเรื่อยซึ่งคำถามก็มักจะมาจากแดฮยอนเสียส่วนใหญ่ตามประสาคนช่างคุยต่างจากอีกคนที่มียิ้มบ้างหัวเราะบ้างเวลาแดฮยอนเล่าเรื่องในวัยเด็กให้ฟัง
ร่างบางสัมผัสได้ว่ายงกุกอาจจะเป็นคนไม่ค่อยพูดสักเท่าไหร่หรืออาจจะเป็นคนพูดน้อยแต่แดฮยอนก็ไม่ปฏิเสธว่ามันไม่ต่างจากที่เห็นภายนอกเสียเท่าไหร่
และภายหลังจากที่พูดคุยกันนั้นทำให้แดฮยอนรู้ว่ายงกุกเคยเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเดียวกับแดฮยอนแต่จบออกไปได้สามปีแล้วตอนนี้อายุ27ปี ปัจจุบันทำงานอยู่ที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งแต่ต้องบินไปดูงานที่ต่างประเทศบ่อยๆ
เลยทำให้ไม่ค่อยได้อยู่เกาหลีเท่าไหร่นัก
“อ่า.. งั้นผมต้องเรียกคุณว่าพี่สินะ (_///_)”
พอรู้ว่าอีกคนแก่กว่าแถมยังพ่วงด้วยการเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยเดียวกันอีกแดฮยอนเลยดูจะตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย
ซึ่งยงกุกเองก็ไม่ถือสาอะไรออกแนวยินดีอยู่เหมือนกันที่ได้เจอรุ่นน้องร่วมสถาบันกันที่นี่
เลยได้แต่หวังว่าพวกตนจะสนิทกันในเร็ววันนี้นะ
“แล้วแต่นายจะเรียกเลย”
“ว่าแต่พี่ยงกุกกลับมาเกาหลีคราวนี้จะอยู่ถึงเมื่อไหร่เหรอครับ?”
“อืม.. ก็ไม่รู้เหมือนกันแล้วแต่เจ้านายจะเรียกน่ะแต่เจ้านายที่ว่านั่นก็เพื่อนสนิทพี่เองนั่นแหละ
J”
ยงกุกเอ่ยตอบคนตัวเล็กส่วนมือก็กำลังหยิบหนังสือใส่ตู้ไปด้วยโดยที่มีแดฮยอนเป็นลูกมือช่วยจัดอยู่ข้างๆ
“ดีจังเลยนะฮะมีเจ้านายเป็นทั้งเพื่อนสนิทแบบนี้”
“ดีกับผีอะไรล่ะ
พอรู้ว่าเป็นเพื่อนเท่านั้นแหละใช้ให้ไปดูงานประเทศนู้นทีประเทศนั้นที นี่นับรวมๆ
ไม่ได้เหยียบแผ่นดินเกิดมาจะครึ่งปีแล้ว”
นับว่านั่นเป็นประโยคที่ยาวที่สุดตั้งแต่ที่แดฮยอนได้คุยกับคนๆ
นี้เลยก็ว่าได้ พอเวลายงกุกพูดถึงเพื่อนตัวเองทีนี่มันเหมือนมีอะไรอัดอั้นไว้มากมายน่าดู
ทำเอาร่างบางเผลอหลุดยิ้มโดยไม่รู้ตัว
“เพื่อนพี่เขาคงไว้ใจพี่ที่สุดมั้งฮะ”
แดฮยอนรับหนังสืออีกเล่มมาจากยงกุกก่อนจะยัดใส่ลงในที่ว่างข้างหนังสือเล่มหนึ่งจนมันเต็มพอดี
ร่างสูงเห็นดังนั้นเลยเอ่ยสิ้นสุดการเก็บของไว้แต่เพียงเท่านี้เดี๋ยวตนจะเก็บต่อเองในวันถัดไปร่างบางเลยอาสาว่าจะมาช่วยอีกแรง
ในคราแรกยงกุกก็รู้สึกเกรงใจกลัวว่าจะเป็นการรบกวนอีกคนแต่คนเด็กกว่าดึงดันว่าจะมาช่วยนั่นเลยทำให้เขาล้มเลิกความคิดที่จะปฏิเสธไป
นาฬิกาดิจิตอลบนโต๊ะตัวเตี้ยตีบอกเวลาสามทุ่มครึ่งและเหมือนร่างบางเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าถึงเวลาที่รายการโปรดของตนออนแอร์แล้วจึงขอร่างสูงใช้โทรทัศน์กลายเป็นว่าตอนนี้หลังจบจากการเก็บห้องทั้งคู่ก็มานั่งจับเข่ากันอยู่หน้าทีวีจนเวลาล่วงเลยมาถึงห้าทุ่มทั้งสองจึงดัดสินใจเข้านอนเพราะพรุ่งนี้คงต้องรีบตื่นแต่เช้าเพื่อไปขอกุญแจสำรองจากป้าเจ้าของหอและกลับมาทำธุระส่วนตัวให้ทันเวลาเข้างานของคนตัวเล็กตอนเก้าโมงเช้า
“นายนอนบนเตียงไปนะเดี๋ยวฉันนอนพื้นเอง”
ยงกุกเดินไปหยิบฟูกนอนอีกผืนในตู้มาปูลงตรงพื้นที่ว่างด้านข้างเตียง
แดฮยอนเห็นดังนั้นจึงรีบเอ่ยปฏิเสธเป็นพลันวัน
เขาเป็นผู้มาขออาศัยอยู่นะจะให้นอนบนเตียงของเจ้าของห้องได้อย่างไร
“ไม่เป็นไรพี่ยงกุก! เดี๋ยวผมนอนพื้นเองพี่เป็นเจ้าของห้องนะฮะจะให้มานอนพื้นแบบนี้ได้ยังไง!”
ร่างบางเอ่ยหน้าตาตื่นจนยงกุกเผลอหลุดขำแต่แดฮยอนคงไม่ทันได้สังเกต
เจ้าตัวคงไม่รู้ตัวหรอกว่าใบหน้าเหวอๆ นั่นมันช่างดูน่ารักในสายตาอีกคนไม่น้อย
เป็นเด็กที่น่ารักน่าเอ็นดูไม่เปลี่ยนเลยนะแดฮยอน
“นั่งทำงานที่ออฟฟิศทั้งวันคงเมื่อยตัวแย่นายนอนข้างบนไปนั่นแหละแค่คืนเดียวฉันนอนพื้นแข็งๆ
ได้สบายมาก”
ร่างสูงโบกมือเป็นเชิงว่าไม่เป็นไรจริงๆ
แดฮยอนมีสีหน้าลังเลอยู่ไม่น้อยก่อนจะหันไปสบตาอีกคนประมาณว่าจะดีเหรอแต่ยงกุกก็พยักหน้ากลับมาทำให้ร่างบางจำต้องปีนขึ้นไปบนเตียงแล้วล้มตัวลงนอนอย่างช่วยไม่ได้
ไฟในห้องดับลงโดยฝีมือของร่างสูงเจ้าของห้องแต่คนตัวเล็กที่นอนอยู่บนเตียงก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะหลับลงแต่อย่างใดดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบๆ
ห้องนอนที่มืดสนิท เสียงสวบสาบเวลาผ้าเสียดสีกันยามขยับตัวดังอยู่ข้างเตียงทำให้ร่างบางรู้ว่าอีกคนคงยังไม่หลับเหมือนกับตน
แดฮยอนพลิกตัวไปมาบนเตียงอยู่หลายทีคงเพราะความไม่คุ้นกับสถานที่เลยทำให้หลับไม่ลงบวกกับความรู้สึกที่มันยังค้างคาอยู่ในใจตั้งแต่ล้มตัวลงนอน
มาคิดๆ ดูแล้วขืนปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปยังไงคืนนี้เขาก็คงหลับไม่ลงแน่ๆ!
เมื่อตัดสินใจได้แน่แล้วร่างบางก็ตลบผ้าห่มขึ้นมานั่งก่อนจะคลานไปที่อีกฝั่งของเตียงที่ตรงพื้นด้านล่างมีร่างของอีกคนนอนอยู่
มือบางเอื้อมไปสะกิดบนต้นแขนที่โผล่พ้นผ้าห่มออกมาเบาๆ คนที่เหมือนจะยังมีสติอยู่ก็ลืมตาขึ้นมองสบกับคนด้านบนประมาณว่ามีอะไรหรือเปล่า
แสงไฟจากนอกหน้าต่างช่วยทำให้ภายในห้องนี้ไม่มืดจนเกินไปนัก อย่างน้อยบังยงกุกก็ยังเห็นว่าใบหน้าของลูกแมวบนเตียงกำลังส่งยิ้มแห้งๆ
มาให้เขาได้อย่างชัดเจน
“เอ่อคือ...
ที่นอนมันก็ไม่ได้เล็กมาก...พี่ยงกุกจะขึ้นมานอนข้างบนด้วยกันก็ได้นะฮะ”
ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกว่าสองข้างแก้มมันร้อนผ่าวขึ้นทันทีที่พูดประโยคนั้นออกไป
ร่างบางมุดหน้าลงกับขอบเตียงอย่างลุ้นระทึกว่าอีกคนจะตอบกลับมาอย่างไรทั้งๆ ที่ความจริงมันก็ไม่เห็นจะมีอะไรน่าตื่นเต้นตรงไหนซึ่งแดฮยอนเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไม
“คือ.. เห็นพี่ยงกุกนอนพื้นแล้วคงไม่ค่อยสบายตัวเท่าไหร่
ผมเลยรู้สึกไม่ค่อยดีแล้วมันพาลให้นอนไม่หลับอ่ะ งื่อออ -///- ”
พูดจบก็มุดหายเข้าไปในผ้านวมผืนหนาอีกรอบราวกับกำลังเก้อเขิน(?)ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยแชร์เตียงกับใครนอนนอกจากพ่อแม่แม้แต่ยองแจก็ยังไม่เคย
ไปค้างห้องเพื่อนสนิทก็ขอนอนที่พื้นตลอดเพราะเกรงใจแต่นี่เขากำลังเอ่ยชวนคนที่เพิ่งรู้จักกันยังไม่ครบ 24 ชั่วโมงนอนเตียงเดียวกัน
ให้ตายเถอะ! แดฮยอนอยากระเบิดตัวตาย T///T
ถึงจะไม่ใช่เตียงในห้องของตัวเองแต่ความรู้สึกเวลามีคนมาแชร์พื้นที่ข้างๆ
ตอนนอนนี่เขายังไม่เคยมีและบังยงกุกเป็นคนแรก
ยงกุกที่เห็นท่าทางของคนบนเตียงก็เกิดอาการงงขึ้นมาเล็กน้อยว่าเจ้าตัวเกิดเป็นอะไรขึ้นมาอีก?
ถ้าขอเดาเอาจากที่เห็นแบบไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองเลยนะ
ตอนนี้เขาคิดว่าแดฮยอนกำลัง...เขิน?
“จะดีเหรอ? แบบนั้นมันคงเบียดนายแย่”
ถามเพื่อความแน่ใจอีกรอบ เอาจริงๆ
เขาก็นอนที่พื้นนี่ได้นั่นแหละอาจจะรู้สึกแปลกใหม่ไปบ้างตรงที่เปลี่ยนจากเบาะนุ่มๆ
เป็นพื้นแข็งๆ แต่นั่นก็ไม่ได้เดือดร้อนเท่าไหร่สำหรับคนที่หลับได้เป็นตายอย่างเขา
“ไม่เป็นไรหรอกฮะ พี่ขึ้นมานอนข้างบนเถอะ”
ร่างบางเอ่ยพร้อมกับขยับออกไปอีกด้านเพื่อให้พื้นที่แก่อีกคนบนเตียง
คราวนี้ยงกุกเองก็ดูจะตอบรับเสียง่ายๆ
ดีเหมือนกันอย่างน้อยคืนนี้ก็ยังได้นอนบนฟูกนิ่มๆ แทนที่จะเป็นพื้นแข็งๆ เย็นๆ
ล่ะนะถึงแม้จะไม่มีพื้นที่ให้ดิ้นเหมือนอย่างทุกคืนก็เถอะ ร่างบางยิ้มอย่างชอบใจที่คืนนี้เขาจะได้หลับแบบไม่มีอะไรค้างคาใจแล้ว
ด้วยพื้นที่บนเตียงที่มีอย่างจำกัดบวกกับกลัวอีกคนจะนอนไม่สะดวกแดฮยอนเลยเลือกที่จะนอนตะแคงข้างแต่กับกลายเป็นว่าร่างสูงดันคิดเหมือนกันเสียนี่พอพลิกตัวมาก็เลยทำให้ทั้งคู่เผลอสบตากันเข้าอย่างจัง
ความเงียบกลับเข้ามาปกคลุมทุกอณูภายในห้องนอนอีกครั้ง
“เอ่อ.. ฝันดีนะฮะพี่ยงกุก”
เป็นแดฮยอนที่เอ่ยขึ้นมาเพื่อทำลายบรรยากาศชวนอึดอัดนี้เสียเอง
ดวงตาคมคู่นั้นที่สบมองมาทำให้เขาทำตัวไม่ถูกขึ้นมาเสียดื้อๆ
จึงเอ่ยราตรีสวัสดิ์อีกคนออกไปและมันคงเป็นประโยคง่ายๆ ที่พอจะนึกออกได้ในสถานการณ์แบบนี้
แต่ร่างบางคงไม่รู้หรอกว่าคำพูดที่ตนเอ่ยออกมาเพียงไม่กี่คำกลับทำให้ใจของคนฟังเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ...
“นายก็ด้วยนะแดฮยอน.. ราตรีสวัสดิ์ J”
แดฮยอนไม่รู้จะหาคำไหนมาอธิบายแทนความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้ดี
แต่เขาสัมผัสได้เพียงอย่างเดียวว่าหัวใจของเขากำลังทำงานหนักมากเลยล่ะ....
ให้ตายเถอะ! คืนนี้เขาจะนอนหลับไหมเนี่ย T
T
TBC.
สั้นเนอะ T T
ใครที่อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกว่ามันยังไม่สุดอยากให้ต่อได้อีกก็ขอโทษด้วยที่ตอนนี้มันมาได้แค่นี้จริงๆ
ตอนหน้าก็เป็นพาร์ทสุดท้ายแล้วสำหรับ Where are you LOVE? มันเป็นฟิคสั้นฉลองคัมแบครอบนี้ของหนุ่มๆ
ค่ะ (เราตั้งใจว่าอย่างนั้น ฮา..)
อยากจะรวบเรื่องนี้เป็นหนึ่งตอนทีเดียวเหมือนกันแต่ตามความรู้สึกเราอยากให้มันแบ่งเป็นซีนๆ
ก็เลยตัดแบ่งพาร์ทมันซะเลย แง่ม =..=
ขอบคุณที่ยังติดตามกันนะคะ *นั่งพับเพียบก้มลงกราบ*