วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2557

[SF] Where are you... LOVE? (2) | BangDae

[FanFiction B.A.P]
Where are you…LOVE? (Part 2)
Couple: Bang Yongguk & Jung Daehyun (BANGDAE)
Rate: PG-15
Author note: พาร์ทนี้สั้นมากกกกนะ T T





            หลายคนคงคิดว่าทำไมเขาถึงยอมตกลงปลงใจมาค้างห้องคนอื่นง่ายๆ ทั้งๆ ที่เพิ่งคุยกันได้ไม่ถึงสิบนาที?



หลังจากที่แดฮยอนตอบรับข้อเสนอของชายที่ชื่อ บังยงกุก ไปแล้วเขาก็เพิ่งมาคิดได้เหมือนกันว่าเราเพิ่งจะทำความรู้จักกันเพียงไม่กี่นาทีแต่ทำไมเขากลับไว้ใจที่จะฝากตัวไว้กับชายแปลกหน้าคนนี้ได้? หรือเป็นเพราะความใจดีเลยทำให้เขาไว้ใจ?



แต่บางทีคนเรามันก็ไม่มีทางเลือกนี่นา..



ถ้าเป็นในสถานการณ์ที่เขาอยู่ข้างนอกแล้วมีคนมาชวนให้ไปค้างด้วยร้อยทั้งร้อยเขาคงปฏิเสธ แต่นี่ห้องของเขาก็อยู่แค่ฝั่งตรงข้ามนี่เองแถมแดฮยอนก็ไม่ใช่คนคิดมากอะไร คนที่อยู่ห้องข้างๆ ก็รู้จักกันทั้งนั้น เลยคิดเสียว่ามาทำความรู้จักกับเพื่อนบ้าน(ห้อง)ใหม่ก็ได้



เกิดคนที่ชื่อยงกุกอะไรนี่หลอกไปทำเรื่องมิดีมิร้ายจริงๆ อย่างน้อยเขาก็มีคนให้ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือได้ทั้งชั้น



พอเข้ามาในห้องของยงกุกแล้วเจ้าของห้องก็ขอตัวไปทำธุระส่วนตัวสักพักเพราะเจ้าตัวบ่นว่าออกไปข้างนอกมาทั้งวันรู้สึกเหนอะหนะตัวจะแย่ แดฮยอนเองก็ขัดอะไรไม่ได้อยู่แล้วจึงมานั่งเล่นโทรศัพท์รออยู่ตรงห้องรับแขกเพราะเขาก็ไม่รู้จะทำอะไรเหมือนกัน ผ่านไปไม่ถึงสิบนาทียงกุกก็กลับออกมาอีกครั้งด้วยชุดเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงบอลที่ดูจะสบายกว่าตอนที่เจอกันครั้งแรกมาก



“คุณทานอะไรมาหรือยัง? โทษทีเพิ่งย้ายเข้ามาเมื่อวานเลยยังไม่ค่อยมีของกินติดตู้เท่าไหร่น่ะแต่พอมีรามยอนติดมาอยู่จะเอามั้ย?”



แดฮยอนส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธพร้อมบอกกลับว่าตนนั้นได้ทานเข้ามาแล้วหลังเลิกงานและก็ขอบคุณในน้ำใจของยงกุกอีกครั้ง ตอนนี้ร่างบางนั่งอยู่บนโซฟาตรงกลางห้องพลางสำรวจรอบๆ ตัวไปด้วย ข้าวของเครื่องใช้บางส่วนที่ยังจัดไม่เสร็จวางรวมกันอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องกับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ถูกหยิบออกมาใช่เพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น



ยงกุกหายเข้าไปในห้องนอนสักพักก็ออกมาพร้อมกับเสื้อผ้าหนึ่งชุดยื่นให้กับร่างบาง เขาพยายามหาตัวที่เล็กที่สุดแล้วในบรรดาเสื้อผ้าทั้งหมดที่เขามี เห็นจะมีก็แต่เสื้อยืดกับกางเกงบ็อกเซอร์เท่านั้นหวังว่าจะพอแก้ขัดไปได้สักหนึ่งคืน



“ผมมีเสื้อผ้าไซส์เล็กสุดก็ประมาณนี้แหละ หวังว่าคุณจะใส่มันได้นะ?”



“ไม่เป็นไรครับ! แค่นี้ผมก็รบกวนคุณจะแย่แล้ว..”



แดฮยอนรับเสื้อกับผ้าขนหนูมาถือไว้ในมือแล้วยิ้มกลับไปให้เป็นเชิงขอบคุณ ร่างสูงชี้บอกว่าห้องน้ำอยู่ถัดไปจากโซนครัวร่างบางพยักหน้ารับรู้ก่อนจะขอเวลาไปทำธุระส่วนตัว ส่วนยงกุกก็นั่งจัดขอไปพลางๆ ระหว่างรอ ผ่านไปสักพักร่างที่หายไปก่อนหน้านี้ก็กลับออกมาพร้อมกับกลิ่นสบู่ที่เขาเพิ่งซื้อมาติดห้องไว้เมื่อวาน กลิ่นของมันเป็นเป็นกลิ่นหอมเย็นๆ แบบที่ยงกุกชอบด้วย



ร่างของคนตัวเล็กเดินมาทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ คนที่เป็นเจ้าของห้องพร้อมกับออกปากว่าจะช่วยอีกคนจัดของเป็นการตอบแทนสำหรับที่พักในคืนนี้ ว่ากันตามตรงถ้าเขาไม่เจอยงกุกล่ะก็เขาก็ไม่รู้จะไปค้างที่ไหนเหมือนกัน เพื่อนสมัยเรียนก็แยกย้ายกันไปทำงานตามที่ต่างๆ ซึ่งก็จำไม่ได้ว่าที่ไหนบ้าง เพื่อนที่รู้จักและยังคงอยู่ในโซลเห็นจะมีแต่คู่รักหมาหมู จู แอนด์ แจ นี่แหละนะ



ทั้งคู่พยายามสร้างความคุ้นเคยโดยการถามไปนู่นนี่นั่นเรื่อยซึ่งคำถามก็มักจะมาจากแดฮยอนเสียส่วนใหญ่ตามประสาคนช่างคุยต่างจากอีกคนที่มียิ้มบ้างหัวเราะบ้างเวลาแดฮยอนเล่าเรื่องในวัยเด็กให้ฟัง ร่างบางสัมผัสได้ว่ายงกุกอาจจะเป็นคนไม่ค่อยพูดสักเท่าไหร่หรืออาจจะเป็นคนพูดน้อยแต่แดฮยอนก็ไม่ปฏิเสธว่ามันไม่ต่างจากที่เห็นภายนอกเสียเท่าไหร่



และภายหลังจากที่พูดคุยกันนั้นทำให้แดฮยอนรู้ว่ายงกุกเคยเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเดียวกับแดฮยอนแต่จบออกไปได้สามปีแล้วตอนนี้อายุ27ปี ปัจจุบันทำงานอยู่ที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งแต่ต้องบินไปดูงานที่ต่างประเทศบ่อยๆ เลยทำให้ไม่ค่อยได้อยู่เกาหลีเท่าไหร่นัก



“อ่า.. งั้นผมต้องเรียกคุณว่าพี่สินะ (_///_)



พอรู้ว่าอีกคนแก่กว่าแถมยังพ่วงด้วยการเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยเดียวกันอีกแดฮยอนเลยดูจะตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย ซึ่งยงกุกเองก็ไม่ถือสาอะไรออกแนวยินดีอยู่เหมือนกันที่ได้เจอรุ่นน้องร่วมสถาบันกันที่นี่ เลยได้แต่หวังว่าพวกตนจะสนิทกันในเร็ววันนี้นะ



“แล้วแต่นายจะเรียกเลย”



“ว่าแต่พี่ยงกุกกลับมาเกาหลีคราวนี้จะอยู่ถึงเมื่อไหร่เหรอครับ?”



“อืม.. ก็ไม่รู้เหมือนกันแล้วแต่เจ้านายจะเรียกน่ะแต่เจ้านายที่ว่านั่นก็เพื่อนสนิทพี่เองนั่นแหละ J



ยงกุกเอ่ยตอบคนตัวเล็กส่วนมือก็กำลังหยิบหนังสือใส่ตู้ไปด้วยโดยที่มีแดฮยอนเป็นลูกมือช่วยจัดอยู่ข้างๆ



“ดีจังเลยนะฮะมีเจ้านายเป็นทั้งเพื่อนสนิทแบบนี้”



“ดีกับผีอะไรล่ะ พอรู้ว่าเป็นเพื่อนเท่านั้นแหละใช้ให้ไปดูงานประเทศนู้นทีประเทศนั้นที นี่นับรวมๆ ไม่ได้เหยียบแผ่นดินเกิดมาจะครึ่งปีแล้ว”



นับว่านั่นเป็นประโยคที่ยาวที่สุดตั้งแต่ที่แดฮยอนได้คุยกับคนๆ นี้เลยก็ว่าได้ พอเวลายงกุกพูดถึงเพื่อนตัวเองทีนี่มันเหมือนมีอะไรอัดอั้นไว้มากมายน่าดู ทำเอาร่างบางเผลอหลุดยิ้มโดยไม่รู้ตัว



“เพื่อนพี่เขาคงไว้ใจพี่ที่สุดมั้งฮะ”



แดฮยอนรับหนังสืออีกเล่มมาจากยงกุกก่อนจะยัดใส่ลงในที่ว่างข้างหนังสือเล่มหนึ่งจนมันเต็มพอดี ร่างสูงเห็นดังนั้นเลยเอ่ยสิ้นสุดการเก็บของไว้แต่เพียงเท่านี้เดี๋ยวตนจะเก็บต่อเองในวันถัดไปร่างบางเลยอาสาว่าจะมาช่วยอีกแรง ในคราแรกยงกุกก็รู้สึกเกรงใจกลัวว่าจะเป็นการรบกวนอีกคนแต่คนเด็กกว่าดึงดันว่าจะมาช่วยนั่นเลยทำให้เขาล้มเลิกความคิดที่จะปฏิเสธไป



นาฬิกาดิจิตอลบนโต๊ะตัวเตี้ยตีบอกเวลาสามทุ่มครึ่งและเหมือนร่างบางเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าถึงเวลาที่รายการโปรดของตนออนแอร์แล้วจึงขอร่างสูงใช้โทรทัศน์กลายเป็นว่าตอนนี้หลังจบจากการเก็บห้องทั้งคู่ก็มานั่งจับเข่ากันอยู่หน้าทีวีจนเวลาล่วงเลยมาถึงห้าทุ่มทั้งสองจึงดัดสินใจเข้านอนเพราะพรุ่งนี้คงต้องรีบตื่นแต่เช้าเพื่อไปขอกุญแจสำรองจากป้าเจ้าของหอและกลับมาทำธุระส่วนตัวให้ทันเวลาเข้างานของคนตัวเล็กตอนเก้าโมงเช้า



“นายนอนบนเตียงไปนะเดี๋ยวฉันนอนพื้นเอง”



ยงกุกเดินไปหยิบฟูกนอนอีกผืนในตู้มาปูลงตรงพื้นที่ว่างด้านข้างเตียง แดฮยอนเห็นดังนั้นจึงรีบเอ่ยปฏิเสธเป็นพลันวัน เขาเป็นผู้มาขออาศัยอยู่นะจะให้นอนบนเตียงของเจ้าของห้องได้อย่างไร



“ไม่เป็นไรพี่ยงกุก! เดี๋ยวผมนอนพื้นเองพี่เป็นเจ้าของห้องนะฮะจะให้มานอนพื้นแบบนี้ได้ยังไง!



ร่างบางเอ่ยหน้าตาตื่นจนยงกุกเผลอหลุดขำแต่แดฮยอนคงไม่ทันได้สังเกต เจ้าตัวคงไม่รู้ตัวหรอกว่าใบหน้าเหวอๆ นั่นมันช่างดูน่ารักในสายตาอีกคนไม่น้อย



เป็นเด็กที่น่ารักน่าเอ็นดูไม่เปลี่ยนเลยนะแดฮยอน



“นั่งทำงานที่ออฟฟิศทั้งวันคงเมื่อยตัวแย่นายนอนข้างบนไปนั่นแหละแค่คืนเดียวฉันนอนพื้นแข็งๆ ได้สบายมาก”



ร่างสูงโบกมือเป็นเชิงว่าไม่เป็นไรจริงๆ แดฮยอนมีสีหน้าลังเลอยู่ไม่น้อยก่อนจะหันไปสบตาอีกคนประมาณว่าจะดีเหรอแต่ยงกุกก็พยักหน้ากลับมาทำให้ร่างบางจำต้องปีนขึ้นไปบนเตียงแล้วล้มตัวลงนอนอย่างช่วยไม่ได้



ไฟในห้องดับลงโดยฝีมือของร่างสูงเจ้าของห้องแต่คนตัวเล็กที่นอนอยู่บนเตียงก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะหลับลงแต่อย่างใดดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบๆ ห้องนอนที่มืดสนิท เสียงสวบสาบเวลาผ้าเสียดสีกันยามขยับตัวดังอยู่ข้างเตียงทำให้ร่างบางรู้ว่าอีกคนคงยังไม่หลับเหมือนกับตน



แดฮยอนพลิกตัวไปมาบนเตียงอยู่หลายทีคงเพราะความไม่คุ้นกับสถานที่เลยทำให้หลับไม่ลงบวกกับความรู้สึกที่มันยังค้างคาอยู่ในใจตั้งแต่ล้มตัวลงนอน มาคิดๆ ดูแล้วขืนปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปยังไงคืนนี้เขาก็คงหลับไม่ลงแน่ๆ!



เมื่อตัดสินใจได้แน่แล้วร่างบางก็ตลบผ้าห่มขึ้นมานั่งก่อนจะคลานไปที่อีกฝั่งของเตียงที่ตรงพื้นด้านล่างมีร่างของอีกคนนอนอยู่ มือบางเอื้อมไปสะกิดบนต้นแขนที่โผล่พ้นผ้าห่มออกมาเบาๆ คนที่เหมือนจะยังมีสติอยู่ก็ลืมตาขึ้นมองสบกับคนด้านบนประมาณว่ามีอะไรหรือเปล่า แสงไฟจากนอกหน้าต่างช่วยทำให้ภายในห้องนี้ไม่มืดจนเกินไปนัก อย่างน้อยบังยงกุกก็ยังเห็นว่าใบหน้าของลูกแมวบนเตียงกำลังส่งยิ้มแห้งๆ มาให้เขาได้อย่างชัดเจน



“เอ่อคือ... ที่นอนมันก็ไม่ได้เล็กมาก...พี่ยงกุกจะขึ้นมานอนข้างบนด้วยกันก็ได้นะฮะ”



ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกว่าสองข้างแก้มมันร้อนผ่าวขึ้นทันทีที่พูดประโยคนั้นออกไป ร่างบางมุดหน้าลงกับขอบเตียงอย่างลุ้นระทึกว่าอีกคนจะตอบกลับมาอย่างไรทั้งๆ ที่ความจริงมันก็ไม่เห็นจะมีอะไรน่าตื่นเต้นตรงไหนซึ่งแดฮยอนเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไม



“คือ.. เห็นพี่ยงกุกนอนพื้นแล้วคงไม่ค่อยสบายตัวเท่าไหร่ ผมเลยรู้สึกไม่ค่อยดีแล้วมันพาลให้นอนไม่หลับอ่ะ งื่อออ -///-



พูดจบก็มุดหายเข้าไปในผ้านวมผืนหนาอีกรอบราวกับกำลังเก้อเขิน(?)ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยแชร์เตียงกับใครนอนนอกจากพ่อแม่แม้แต่ยองแจก็ยังไม่เคย ไปค้างห้องเพื่อนสนิทก็ขอนอนที่พื้นตลอดเพราะเกรงใจแต่นี่เขากำลังเอ่ยชวนคนที่เพิ่งรู้จักกันยังไม่ครบ 24 ชั่วโมงนอนเตียงเดียวกัน ให้ตายเถอะ! แดฮยอนอยากระเบิดตัวตาย T///T



ถึงจะไม่ใช่เตียงในห้องของตัวเองแต่ความรู้สึกเวลามีคนมาแชร์พื้นที่ข้างๆ ตอนนอนนี่เขายังไม่เคยมีและบังยงกุกเป็นคนแรก



ยงกุกที่เห็นท่าทางของคนบนเตียงก็เกิดอาการงงขึ้นมาเล็กน้อยว่าเจ้าตัวเกิดเป็นอะไรขึ้นมาอีก? ถ้าขอเดาเอาจากที่เห็นแบบไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองเลยนะ ตอนนี้เขาคิดว่าแดฮยอนกำลัง...เขิน?



“จะดีเหรอ? แบบนั้นมันคงเบียดนายแย่”



ถามเพื่อความแน่ใจอีกรอบ เอาจริงๆ เขาก็นอนที่พื้นนี่ได้นั่นแหละอาจจะรู้สึกแปลกใหม่ไปบ้างตรงที่เปลี่ยนจากเบาะนุ่มๆ เป็นพื้นแข็งๆ แต่นั่นก็ไม่ได้เดือดร้อนเท่าไหร่สำหรับคนที่หลับได้เป็นตายอย่างเขา



“ไม่เป็นไรหรอกฮะ พี่ขึ้นมานอนข้างบนเถอะ”



ร่างบางเอ่ยพร้อมกับขยับออกไปอีกด้านเพื่อให้พื้นที่แก่อีกคนบนเตียง คราวนี้ยงกุกเองก็ดูจะตอบรับเสียง่ายๆ ดีเหมือนกันอย่างน้อยคืนนี้ก็ยังได้นอนบนฟูกนิ่มๆ แทนที่จะเป็นพื้นแข็งๆ เย็นๆ ล่ะนะถึงแม้จะไม่มีพื้นที่ให้ดิ้นเหมือนอย่างทุกคืนก็เถอะ ร่างบางยิ้มอย่างชอบใจที่คืนนี้เขาจะได้หลับแบบไม่มีอะไรค้างคาใจแล้ว



ด้วยพื้นที่บนเตียงที่มีอย่างจำกัดบวกกับกลัวอีกคนจะนอนไม่สะดวกแดฮยอนเลยเลือกที่จะนอนตะแคงข้างแต่กับกลายเป็นว่าร่างสูงดันคิดเหมือนกันเสียนี่พอพลิกตัวมาก็เลยทำให้ทั้งคู่เผลอสบตากันเข้าอย่างจัง ความเงียบกลับเข้ามาปกคลุมทุกอณูภายในห้องนอนอีกครั้ง



“เอ่อ.. ฝันดีนะฮะพี่ยงกุก”



เป็นแดฮยอนที่เอ่ยขึ้นมาเพื่อทำลายบรรยากาศชวนอึดอัดนี้เสียเอง ดวงตาคมคู่นั้นที่สบมองมาทำให้เขาทำตัวไม่ถูกขึ้นมาเสียดื้อๆ จึงเอ่ยราตรีสวัสดิ์อีกคนออกไปและมันคงเป็นประโยคง่ายๆ ที่พอจะนึกออกได้ในสถานการณ์แบบนี้



แต่ร่างบางคงไม่รู้หรอกว่าคำพูดที่ตนเอ่ยออกมาเพียงไม่กี่คำกลับทำให้ใจของคนฟังเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ...



“นายก็ด้วยนะแดฮยอน.. ราตรีสวัสดิ์ J



แดฮยอนไม่รู้จะหาคำไหนมาอธิบายแทนความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้ดี แต่เขาสัมผัสได้เพียงอย่างเดียวว่าหัวใจของเขากำลังทำงานหนักมากเลยล่ะ....





ให้ตายเถอะ! คืนนี้เขาจะนอนหลับไหมเนี่ย T T





TBC.



สั้นเนอะ T T

ใครที่อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกว่ามันยังไม่สุดอยากให้ต่อได้อีกก็ขอโทษด้วยที่ตอนนี้มันมาได้แค่นี้จริงๆ

ตอนหน้าก็เป็นพาร์ทสุดท้ายแล้วสำหรับ Where are you LOVE? มันเป็นฟิคสั้นฉลองคัมแบครอบนี้ของหนุ่มๆ ค่ะ (เราตั้งใจว่าอย่างนั้น ฮา..)

อยากจะรวบเรื่องนี้เป็นหนึ่งตอนทีเดียวเหมือนกันแต่ตามความรู้สึกเราอยากให้มันแบ่งเป็นซีนๆ ก็เลยตัดแบ่งพาร์ทมันซะเลย แง่ม =..=


ขอบคุณที่ยังติดตามกันนะคะ *นั่งพับเพียบก้มลงกราบ*

วันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2557

[SF] Where are you... LOVE? (1) | BangDae

[FanFiction B.A.P]
Where are you…LOVE? (Part 1)
Couple: Bang Yongguk & Jung Daehyun
Rate: PG-15
Author note: ถ้าอ่านไปแล้วรู้สึกเหมือนอารมณ์ฟิคมันขึ้นๆ ลงๆ มันเป็นตามฟิลลิ่งของเราเองค่ะ กดสุ่มเพลงไปเรื่อยๆ อารมณ์ฟิคมันเลยเหมือนสุ่มตามเพลงที่ฟังนั่นแหละค่ะ 555555555 ถ้าไม่สนุกก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย~ m(_ _)m




...ความรักมันเป็นอย่างไร?


...คนรักกันเขามีความรู้สึกแบบไหน?


...ผมอยากลองสัมผัสดูสักครั้งจัง :)



ร้อยทั้งร้อยของมนุษย์ Working Human เกลียดที่สุดและถูกบัญญัติไว้ในพจนานุกรมชีวิตคงจะเป็น “เช้าวันจันทร์” วันแรกของสัปดาห์ที่เหล่าคนเงินเดือนทั้งหลายไม่ค่อยถวิลหาเท่าไหร่นักและคิดว่าวันหยุดที่ตนได้รับมานั้นมันช่างแสนสั้นพักผ่อนยังไม่ทันหายเหนื่อยก็ต้องกลับมาทำหน้าที่ประหนึ่งหุ่นยนต์ที่ถูกควบคุมโดยมนุษย์ที่เรียกว่า “บอส” วนเวียนอยู่แบบนี้จากหนึ่งวันเป็นหนึ่งเดือนจากหนึ่งเดือนเป็นหนึ่งปีไปเรื่อยๆ



จอง แดฮยอน อายุ 24 ปี อาชีพพนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งหรือเรียกว่าเป็น “มนุษย์เงินเดือน” เหมือนอย่างที่กล่าวไปข้างต้น ชีวิตของเขาเดินเข้า-ออกบริษัทแห่งนี้นับเป็นเวลาเกือบ 6 เดือนแล้วเห็นจะได้อาจเป็นตัวเลขที่ดูเหมือนจะไม่มากแต่สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มฝึกงานใหม่ๆ อาจรู้สึกราวกับทำงานมาแล้ว 6 ปี “ทำงานแค่หนึ่งวันมันช่างยาวนานนัก” มักจะมาคู่กับคำว่า “ความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ”



ดวงตากลมโตหลังกรอบแว่นตาอันใหญ่กำลังจดจ่ออยู่บนจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลาเกือบหลายชั่วโมงติดต่อกันแล้วเห็นจะได้พร้อมกับนิ้วเรียวที่กำลังรัวบนแป้นพิมพ์ด้วยความชำนาญกับเอกสารชุดสุดท้ายที่กำลังจะหมดลงพร้อมกับหนึ่งวันที่กำลังจะหมดไป แค่คิดในใจก็กระโดดโลดเต้นออกที่ทำงานไปแล้ว



เห็นตัวหนังสือเหลืออีกเพียงไม่กี่บรรทัดก็ถึงกับยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ส่วนเรื่องตรวจทานเอกสารก็ยกให้เป็นหน้าที่ของอีกแผนกรับไปแต่แดฮยอนมั่นใจว่าเอกสารฉบับนี้ค่อนข้างมีความสมบูรณ์เกือบร้อยเปอร์เซ็นเพราะเขาพิมพ์เองแก้เองให้เสร็จสรรพ อย่างน้อยก็ช่วยเบาภาระของพี่ๆ อีกแผนกที่งานก็เยอะอยู่แล้วไปในตัว



นิ้วเรียวเคาะเน้นๆ ลงบนแป้นพิมพ์หลังจบประโยคสุดท้ายในหน้าเอกสารด้วยความสะใจ ในที่สุดภาระของวันนี้ก็หมดไปเสียทีเขาคิดถึงที่นอนนุ่มๆ ใจจะขาดแต่ก่อนหน้านั้นคงต้องหามื้อเย็นเลี้ยงท้องก่อนล่ะ นี่ก็หิวจะแย่แล้ว สองแขนยืดออกไปด้านหน้าเพื่อยืดเส้นสายทุบกำปั้นลงบนหลังคออีกนิดคลายเมื่อยก่อนจะหันมาเก็บของใส่กระเป๋าเตรียมกลับหอแต่จังหวะที่กำลังหมุนตัวออกจากโต๊ะทำงานทำเอาแดฮยอนแทบหงายตกเก้าอี้



“เฮ่ยยย!! ยูยองแจนายมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!?



จะมีอะไรเสียอีกถ้าไม่ใช่เพราะว่าหันมาเจอเพื่อนสนิทกำลังนั่งจ้องเขาตาแป๋วทั้งๆ ที่มั่นใจแล้วว่าตนอยู่ในออฟฟิศนี้คนเดียวแน่นอนเพราะนี่มันก็เกือบหกโมงเย็นเข้าไปแล้วเพื่อนร่วมงานคนอื่นก็พากันกลับบ้านกันตั้งแต่สี่โมงเย็นตามเวลาเลิกงานปกติ ไอ้เราก็นึกว่าผีหลอกยิ่งกลัวๆ อยู่ T T



“ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่แต่ก็นั่งรอนายมาเกือบชั่วโมงแล้วน่ะ”



ยู ยองแจ หรือก็คือเพื่อนสนิทของแดฮยอนตอบด้วยท่าทีสบายๆ ติดจะกวนนิดหน่อยแต่ร่างบางไม่ได้ถือสาอะไรก็ยังดีที่เป็นเพื่อนมานั่งอยู่ตรงนี้ถ้าเป็นอย่างอื่นที่สัมผัสไม่ได้นี่เขาคงช็อคตายคาออฟฟิศ



“ฉันก็นึกว่านายกลับไปกับแฟนเด็กของนายแล้วเสียอีก?”



แฟนเด็กที่แดฮยอนว่านี่คือ ชเว จุนฮง ลูกชายของผู้จัดการฝ่ายการตลาดหรือก็คือหัวหน้าแผนกที่พวกเขาสองคนทำอยู่แถมพ่วงด้วยการเป็นน้องรหัสของแดฮยอนที่มหาวิทยาลัย จุนฮงอายุน้อยกว่ายองแจสองปีแต่เที่ยวตามจีบเพื่อนเขาทุกวันตั้งแต่สมัยเรียนรวมระยะเวลาเกือบหนึ่งปีเต็มจนยองแจยอมใจอ่อนนี่แหละ



“หมอนั่นติดเรียนน่ะเลยมารับช้าก็เลยอยู่รอนายก่อนนี่ไงแต่ตอนนี้มาละรออยู่ที่ลานจอดรถ”



“อ้อ... นี่ถ้าไม่ติดว่าจุนฮงมารับช้านี่นายก็คงไม่รอสินะ”



ร่างบางแสร้งทำเสียงน้อยออกน้อยใจปากอิ่มยู่ลงอย่างน่ารักจนยองแจเห็นแล้วยังอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปดึงสองแก้มนิ่มของแดฮยอนด้วยความมันเขี้ยว



“แง่วววววว!! เจ็บนะยองแจ!! ทำไมชอบดึงแก้มนักเล่าาา”



มือบางพยายามแกะมือของเพื่อนออกจากหน้า ยองแจหัวเราะอย่างชอบใจกับท่าทางของแดฮยอนที่เหมือนแมวเสียยิ่งกว่าโคลนนิ่งยิ่งตอนนี้ยิ่งเหมือนแมวพยศเข้าไปใหญ่เห็นแล้วมันน่าฟัดเป็นบ้า



“ก็นายชอบทำหน้าแมวๆ ใส่เห็นแล้วน่ารักดี น่าแกล้ง ฮ่าๆๆๆ”



“โรคจิต!



เป็นคำสบถด่าที่น่ารักดีนะเมื่อมันออกมาจากปากจองแดฮยอนน่ะ ยองแจยิ้มขำๆ ก่อนจะยอมปล่อยมือออกจากแก้มนั้นแต่โดยดี



“กลับกันเถอะ หิวละ!



พูดจบก็จับมือของเพื่อนร่างเล็กแล้วดึงให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ แดฮยอนยอมทำตามอย่างว่าง่ายโดยไม่ลืมที่จะคว้ากระเป๋าขึ้นมาสะพายแล้วเดินออกจากออฟฟิศไปพร้อมกัน




วันนี้ประหยัดค่ารถเมล์ได้อีกวันแล้วเรา :)


.......


ร้านอาหารเรียบง่ายริมแม่น้ำสายใหญ่ตอนช่วงใกล้พลบค่ำเป็นบรรยากาศชวนผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการโหมงานทั้งวันได้ไม่น้อย เย็นนี้ลมไม่ค่อยแรงมากถือว่ากำลังดีพอให้สดชื่นได้บ้าง พวกเขาสามคนสั่งอาหารมาคนละอย่างสองอย่างโดยลงความเห็นกันแล้วว่ามื้อนี้จะหารกันจ่ายเหมือนเดิม



เสียงหยอกล้อกันตามประสาคนมีแฟนของคู่รักที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามทำเอาร่างบางอดไม่ได้ที่จะยิ้มตามกับภาพเหล่านั้น อาหารมื้อนี้สงสัยมันจะหวานจนเลี่ยนเลยล่ะ แดฮยอนคิดว่ายองแจเลือกคนไม่ผิดจริงๆ นะ จุนฮงถึงจะอ่อนกว่าเพื่อนเขาสองปีแต่บางครั้งก็มีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่ยิ่งกว่ายองแจเสียอีก แถมยังเป็นคนที่มีความอดทนมากจนเขายังชื่นชมเพราะเขาก็เพิ่งเคยเห็นนี่แหละคนที่ตามจีบใครสักคนได้ถึงหนึ่งปีทั้งๆ ที่โดนด่ากลับไปสารพัดเจอการปฏิเสธไปนับไม่ถ้วน ถ้าเป็นคนอื่นไม่แน่คงถอดใจไปแล้ว



ดวงตากลมใสที่ตอนนี้ปราศจากกรอบแว่นตามาบดบังผินออกมองวิวริมฝั่งแม่น้ำแทน แสงสีจากตึกรามบ้านช่องในเมืองหลวงมองเพลินๆ มันก็สวยดี ยอมรับว่าในบางเวลาเขาก็รู้สึกเหงาอยากมีใครสักคนมาอยู่ข้างกายเหมือนอย่างคนอื่นๆ จับมือกันเดินเล่น ไปเที่ยวด้วยกัน ทำอะไรด้วยกัน คนที่พร้อมจะใช้ชีวิตร่วมกับเรา ไม่ใช่ว่าไม่พร้อมจะมีใครแต่มันยังไม่เจอ “คนที่ใช่” ต่างหาก ถ้าเขาจะตกลงปลงใจกับใครสักคนก็ขอเป็นคนที่ใจต้องการจริงๆ ดีกว่า สารภาพกันตรงๆ เลยคือเขากลัวการสูญเสียน่ะ...



คนรักกันเขามีความรู้สึกแบบไหนกันนะ?



ไอ้อาการใจเต้นจนเหมือนหัวใจมันจะทะลุออกมาจากอกอะไรแบบนี้เขาไม่เคยเป็นกับใครนะ จะมีก็แต่ความรู้สึกดีๆ ที่หยิบยื่นให้ฉันท์เพื่อนมิตรมากกว่า สมัยเรียนหลายคนมักบอกว่าเขานั้นบ้าเรียนมากๆ เป็นเด็กแว่นหนาเตอะคนหนึ่งหน้าตาธรรมดาไม่ได้มีอะไรโดดเด่นออกจะจืดชืดเสียด้วยซ้ำ ไปไหนมาไหนก็มักจะพกหนังสือไปด้วยเสมอเป็นภาพที่ทุกคนในคณะเห็นจนชินตาแล้วล่ะแต่ข้อดีของแดฮยอนคือเป็นคนช่างพูดช่างจา อัธยาศัยดี เลยมีเพื่อนคบหาไม่น้อย



ตั้งแต่เกิดจนมาถึงตอนนี้เดือนหน้าแดฮยอนก็จะเข้าสู่วัยเบญจเพสแล้ว หลายคนบอกให้เขาหาใครสักคนมาดูแลเสียที เขาก็อยากมีแฟนเหมือนคนอื่นๆ นั้นแหละแต่ติดตรงที่ว่าไม่มีคนมาจีบหรือเพราะอะไรก็ตามแต่เลยทำให้เขาครองตัวเป็นโสดมาจนถึงทุกวันนี้ บรรดาเพื่อนสาวของเขาก็พากันออกเรือนไปใช้ชีวิตคู่กันก็หลายคนแล้วและคาดว่าอีกไม่นานเพื่อนสนิทที่อยู่ตรงหน้าคงไม่แคล้วเป็นเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ แน่นอน ก็วันก่อนจุนฮงมากระซิบแผนที่จะเซอร์ไพรส์ยองแจกับเขาน่ะสิ รู้สึกดีใจแทนเพื่อนรักล่วงหน้าเลยนะ



“กินเยอะๆ เลยนะเพื่อนรัก เดี๋ยวนี้โหมงานเสียจนผอมแล้วเนี่ย”



แดฮยอนส่งยิ้มให้แทนคำขอบคุณ ยองแจตักโน่นตักนี่ใส่จานเขาเยอะแยะเสียจนต้องรีบเอ่ยปฏิเสธก่อนที่อาหารบนโต๊ะมันจะกลายเป็นของเขาทั้งหมดแทน



“นายตักให้คนข้างตัวนายบ้างเถอะ นั่งหน้าบูดเป็นหมาอดกระดูกแล้วนั่น ฮ่าๆๆ”



“เหอะ! ไอ้หมาเนี่ยน่ะเหรอ ให้มันอดเสียบ้างก็ดีทำตัวน่าหมั่นไส้!!



“แหม่ ก็ผมอิจฉาพี่แดฮยอนเหมือนกันนี่ครับ พี่ก็เทคแคร์ผมเหมือนที่ทำกับเพื่อนพี่บ้างสิ”



พูดแล้วก็ทำตัวกระแซะร่างเล็กของคนที่ได้ชื่อว่าแฟนอย่างออเซาะ มันเป็นภาพที่น่าขันดีนะที่คนหนึ่งพยายามเรียกร้องความสนใจแต่อีกคนดันมองข้ามเสียอย่างนั้น



“นายไม่ต้องมาดูแลฉันหรอกเอาใจแฟนนายไปเถอะ”



ร่างบางหันไปเห็นสายตาของน้องรหัสที่ส่งมาเหมือนขอให้ช่วยพูดอะไรสักอย่างแล้วก็นึกสงสารเลยเอ่ยออกไปแบบนั้นยองแจถึงได้ยอมหยุดตักอาหารใส่จานเขาแล้วหันไปสนใจจานของตัวเองบ้าง



            “นายก็หาคนมาดูแลสักทีสิ~ ฉันจะได้เลิกเป็นห่วงนายเสียที”



ยองแจยื่นมือมาดึงแก้มเขาอย่างที่ชอบทำบ่อยๆ แดฮยอนรู้ว่าเพื่อนคนนี้หวังดีกับเขาเสมอนั่นแหละ ร่างบางส่งยิ้มแห้งๆ กลับไป




ฉันก็อยากเจอคนๆ นั้นที่นายว่าแล้วเหมือนกันนะยองแจ...


.........


“จุนฮงนายส่งพี่แค่ตรงนี้ก็พอ”



พอรถหรูสัญชาติเกาหลีแล่นมาจนใกล้ถึงหอพักร่างบางได้ร้องขอให้รุ่นน้องส่งตนแค่ตรงนี้พอเพราะตรงปากทางเข้าหอนั้นมันมีมินิมาร์ทขนาดไม่ใหญ่มากอยู่เลยว่าจะแวะซื้อของมาเก็บไว้กินเผื่อหิวกลางดึกเสียหน่อย แดฮยอนเอ่ยขอบคุณจุนฮงที่ช่วยมาส่งอีกครั้งรวมถึงบอกลาคนทั้งสองด้วย ร่างบางยืนรอจนรถคันดังกล่าวเคลื่อนตัวไปจนลับสายตาแล้วถึงได้พาตัวเองเข้ามาในมินิมาร์ท



แดฮยอนเลือกของที่อยากกินเพียงไม่กี่อย่างใส่ลงในตะกร้าส่วนใหญ่ก็เป็นของจำพวกขนมขบเคี้ยวกับเครื่องดื่มและสิ่งที่จะต้องหยิบติดมือทุกครั้งคงหนีไม่พ้นรามยอนอาหารสำเร็จรูปหลากรสชาติที่ช่วยบรรเทาความหิวของใครหลายคนได้แทบทุกมื้อแถมยังช่วยเซฟเงินในกระเป๋าได้อีกหลายวอน



สองขาเดินไปตามถนนผ่านบ้านเรือนไปเรื่อยๆ อย่างไม่รีบร้อนนักเพราะนี่เพิ่งจะเป็นเวลาสองทุ่มกว่าๆ ซึ่งก็ยังถือว่าไม่ดึกมากนักยังพอมีเวลาสำหรับเดินกินลมชมข้างทางได้อีกสักห้าถึงสิบนาที งานของวันนี้ก็เคลียร์เสร็จหมดแล้วจึงไม่มีภาระที่ต้องแบกกลับมาทำต่อที่หอคืนนี้คงนอนดูรายการโปรดได้อย่างสบายใจ



เมื่อมาถึงหน้าห้องของตัวเองที่อยู่ชั้นสี่มือข้างที่ว่างจากการถือถุงพลาสติกล้วงหากุญแจในกระเป๋าเพื่อจะปลดล็อคประตูห้องแต่จนแล้วจนรอดนอกจากของใช้ส่วนตัวแล้วก็ไม่พบสิ่งของที่ต้องการชักเริ่มใจเสียเลยกลั้นใจเทกระเป๋าออกมาดู ยังดีที่เวลานี้ไม่ค่อยมีคนออกมาเดินเพ่นพ่านเลยไม่น่าอายเท่าไหร่ ร่างบางเริ่มหวั่นใจแล้วว่าตนอาจจะลืมกุญแจไว้ที่ออฟฟิศเป็นแน่เพราะเขาเอากุญแจทุกดอกใส่พวงไว้รวมกันแล้วดูท่าว่าตนคงลืมเสียบทิ้งไว้ที่ลิ้นชักโต๊ะทำงาน



“แกแม่งโคตรสัพเพร่าเลยแดฮยอนเอ้ยยยย!!



ชายหนุ่มยีผมตัวเองอย่างหัวเสียในความไม่รอบคอบของตนเอง แล้วเขาจะเข้าห้องยังไงล่ะทีนี้!? จะโทรหายองแจขอค้างด้วยคืนนึงก็เกรงใจเพราะเห็นว่าคืนนี้เพื่อนตนจะไปนอนค้างบ้านแฟนไอ้เขาก็ยังไม่อยากไปเป็น ก ข ค คนทั้งคู่หรอกนะ แต่ถ้าจะให้เขากลับไปนอนบ้านล่ะก็ล้มเลิกความคิดนั้นไปได้เลยบ้านเขาอยู่ตั้งปูซานไปกลับใช้เวลาก็หลายชั่วโมง อีกทั้งพรุ่งนี้ยังต้องไปทำงานแต่เช้า



ครั้นจะลงไปขอกุญแจสำรองจากป้าเจ้าของหอก็ดูเหมือนแกจะกลับบ้านไปแล้วนะเพราะตอนที่เขาเดินผ่านโถงข้างล่างหอกกำลังจะขึ้นลิฟต์ก็ไม่เห็นแกแล้ว แดฮยอนได้แต่นั่งคิดไม่ตกอยู่ที่เดิมส่วนมือก็ค่อยๆ เก็บของใส่กระเป๋าอย่างปลงๆ แต่จู่ๆ เสียงทุ้มต่ำของใครบางคนก็เรียกสติของร่างบางให้หลุดจากภวังค์



“ขอโทษนะครับ มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่า?”



ชายแปลกหน้าไม่เพียงแค่ถามเปล่าแต่ยังช่วยแดฮยอนเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นให้ด้วย ร่างบางเอ่ยขอบคุณชายคนนั้นที่มาช่วยแต่ก็รู้สึกกระดากอายเหมือนกันถ้าจะบอกไปว่าตนนั้นดันสัพเพร่าลืมกุญแจห้องไว้ที่ทำงานจนเข้าห้องไม่ได้มาถึงตอนนี้



“เอ่อ... คือ...ผมลืมกุญแจห้องไว้ที่ออฟฟิศน่ะ แหะๆ”



เอ่ยตอบเพียงแค่นี้ก็ทำให้ชายแปลกหน้าเข้าใจสถานการณ์ได้ไม่ยาก แดฮยอนเกาท้ายทอยแก้เก้อจะว่าไปแล้วตั้งแต่เขาเข้าอยู่ที่นี่เขายังไม่เคยเห็นชายผู้นี้ที่หอเลยนะ?



“คุณเพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่เหรอครับ?”



ถามออกไปตามที่ตนสงสัย ชายหนุ่มใจดีตรงหน้าก็พยักหน้าตอบพร้อมกับชี้มือไปทางประตูฝั่งตรงข้ามห้องของแดฮยอน



“ผมเพิ่งย้ายเข้ามาเมื่อวานน่ะ คืนนี้ถ้าไม่รังเกียจมาค้างที่ห้องผมก่อนมั้ยล่ะครับ? แล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยไปขอกุญแจกับป้าเจ้าของหอ”



ชายร่างสูงยื่นข้อเสนอให้ แดฮยอนมีสีหน้าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ไหนๆ คืนนี้ก็ไม่มีที่ไปแล้วงั้นเขาขอรับน้ำใจนั้นไว้ก็แล้วกัน..





“รบกวนด้วยนะครับ ผม.. จองแดฮยอน (_///_)



“ไม่เป็นไรครับ ผม บังยงกุก ^^






TBC.


ถ้าการบรรยายมันดูน่าเบื่อก็ขออภัยคนอ่านด้วยนะคะ *โค้ง90องศา*

สารภาพตามตรงว่าไม่ค่อยถนัดบรรยายเท่าไหร่แต่ใจอยากเขียนมากเลย TwT


ขอบคุณที่ตามมาอ่านฟิคเรานะคะ *นั่งพับเพียบก้มลงกราบ*