วันพุธที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2558

[OS] BYG 26th Birthday’s Project '2gether 4ever' | BangDae

[FanFiction B.A.P] BYG 26th Birthday’s Project
2gether 4ever
Author: dryice94
Couple: Bang Yongguk x Jung Daehyun (BANGDAE)
Rate: PG-15
Note: ห่างงานฟิคไปนานมากกกก เรื่องนี้เวอร์ชั่นแรกเราแต่งเป็นพาร์ทของโล่บังอยากลองเอามารีไรท์อีกรอบเป็นเวอร์ชั่นบังแด้ด้วยแพทเทิร์นจะคล้ายๆ กันแต่เนื้อเรื่องต่างกันนิดหน่อย (จะได้ฟินทั้งคนที่เป็นสายพี่บังรุกและพี่บังรับ 55555) ถ้ามันไม่ดียังไงก็ขออภัยด้วยนะคะ ภาษาอาจจะแปลกไปบ้างตาประสาคนห่างงานฟิคไปนาน เอนจอยรีดค่า XD





            เวลาเที่ยงคืนของวันหนึ่งอันที่จริงมันก็เพิ่งจะเข้าวันใหม่มาได้ประมาณครึ่งชั่วโมงแถมเหล่าสมาชิกบีเอพีก็เพิ่งจะกลับมาถึงหอพักได้ไม่นาน สภาพแต่ละคนใบหน้าแสดงความต้องการและโหยหาที่นอนนุ่มๆ กันเต็มแก่แต่คงต้องยกเว้นพี่ใหญ่ของวงไว้คนหนึ่ง รายนั้นมาถึงหอพักก็เดินตรงดิ่งเข้าห้องแต่งเพลงส่วนตัวและเป็นมุมต้องห้ามของเมมเบอร์ไปทันทีแบบชนิดที่ไม่พูดไม่จาคนที่เหลือก็ได้แต่คิดว่าเจ้าตัวคงจะเข้าไปทำธุระของเขาล่ะมั้ง



            “ผมมาถึงเป็นคนแรก งั้นผมอาบก่อนล่ะ”



เสียงของน้องเล็กประจำวงดังขึ้นพร้อมกับวิ่งหายเข้าไปในห้องน้ำด้วยความไวแสงตามด้วยเสียงสบถด่าของมันสมองของทีมอย่างยูยองแจให้ได้ยินอยู่ไกลๆ โดยที่มุมหนึ่งของห้องนั่งเล่นนั้นมีพี่รองควบด้วยตำแหน่งผู้บัญชาการกำลังนั่งมองความวุ่นวายนี้อยู่บนโซฟาสีเข้มอย่างเนือยๆ



“ผมต่อแล้วนะพี่ฮิมชานห้ามแย่ง!”



ยองแจพอว่าเจ้าเด็กโตเกินวัยนั่นเสร็จก็หันมาขึ้นเสียงใส่พี่คนรองต่อ คนเป็นพี่ได้แต่ยกธงยอมแพ้อย่างคนตามใจน้องก่อนจะหันมาหาน้องชายหน้าแมวอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆ กันโดยในมือนั้นกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่กับสมาร์ทโฟนเครื่องสวยที่บนหน้าจอแสดงเป็นแถบสีฟ้าของโซเชียลเน็ตเวิร์คยอดฮิตอย่างทวิตเตอร์ พอเห็นดังนั้นฮิมชานจึงหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาดูบ้างแล้วก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ



“มาทวิตเป็นคนแรกเสียด้วย ทำไมไม่เมนชั่นไปหายงกุกเลยล่ะ”



คนเป็นพี่เอ่ยแซวพร้อมกับลูบกลุ่มผมนิ่มของน้องชายอย่างนึกเอ็นดูเพราะรู้คำตอบดีอยู่แล้วว่าแดฮยอนคงจะ..เขิน?



“ผมว่าพี่เขารู้นะ”



พูดแล้วใบหน้าก็พลันขึ้นสีระเรื่อ เพราะรู้ว่าบังยงกุกเป็นคนอย่างไรถึงได้ลองทำแบบนี้..



“บอกผ่านตัวอักษรอยู่แบบนี้มันจะไปได้อะไร สู้ไปบอกกับเจ้าตัวเลยไม่ดีกว่าเหรอ?”



คิมฮิมชานพูดแล้วก็โบยหน้าไปทางประตูห้องที่ร่างสูงของหัวหน้าวงเพิ่งหายเข้าไปเมื่อสักครู่แต่แดฮยอนกลับส่ายหน้าเป็นพลันวันไม่ใช่ว่าไม่กล้าหรืออะไรแต่เพียงแค่ไม่อยากเข้าไปรบกวนเวลาทำงานของอีกคนก็เท่านั้น



“พี่ยงกุกเขาอาจจะยุ่งอยู่มั้งครับพี่ฮิมชานผมไม่อยากเข้าไปกวนด้วย แล้วอีกอย่าง..ผมกลัวพี่เขาจะว่าเอาน่ะฮะ



แดฮยอนตอบเสียงอ่อนใบหน้าสวยดูหงอยลงอย่างเห็นได้ชัด ตั้งแต่ตอนเลี้ยงฉลองวันเกิดยงกุกที่ร้านอาหารแล้ว ฮิมชานสังเกตได้ว่าแดฮยอนพยายามจะเข้าหายงกุกอยู่หลายครั้งแต่ก็ละความตั้งใจไปในที่สุด ไม่รู้ว่าระหว่างสองคนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้รึเปล่าหรือเพราะบรรยากาศแปลกๆ ที่รายล้อมเพื่อนของเขานั้นมันทำให้แดฮยอนไม่กล้าเข้าใกล้?



“พี่ไม่รู้หรอกนะว่าระหว่างพวกนายสองคนมันเกิดอะไรขึ้นแต่ที่พี่กำลังจะบอกคือยงกุกมันไม่กล้าว่าอะไรแดฮยอนหรอกเชื่อพี่...ก็คบกันอยู่ไม่ใช่เหรอ”



ฝ่ามือหนาลูบหัวคนน้องอย่างปลอบประโลม แดฮยอนชั่งใจอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจทำตามในสิ่งที่ใจตัวเองต้องการ ฮิมชานที่พอใจกับคำตอบยกนิ้วให้อย่างชื่นชม



“แล้วผมจะต้องทำยังไงบ้างอ่ะ”



“เดี๋ยวอยู่ด้วยกันสัญชาตญาณนายจะบอกเองแหละว่าควรทำยังไง แต่ตอนนี้นายรีบไปเคลียร์กับมันก่อนที่ไอ้ยงกุกมันจะเอาระเบิดมาปาลามถึงพวกพี่”



ฮิมชานพูดติดตลกหวังไม่ให้น้องเครียด เรื่องหัวใจมันเคลียร์ได้ไม่ยากหรอกขอแค่หันหน้าคุยกันแล้วมันจะค่อยๆ คลายออกทีละปม



“สุดท้ายพี่ก็ห่วงตัวเองอยู่ดีนี่หว่า อิโธ่!”



“ไปเลยให้ไว”



ร่างสูงของพี่คนรองดันแผ่นหลังบางให้เดินไปที่ประตูบานนั้น แดฮยอนแอบขืนตัวเล็กน้อยเพราะยังไม่พร้อมที่จะเข้าไปรับกับสถานการณ์ภายใน จากที่ตอนแรกรวบรวมความกล้าได้แล้วกลับลอยหายไปเสียอย่างนั้น



สุดท้ายแดฮยอนก็ต้องมายืนอยู่หน้าประตูห้องต้องห้ามของคนในวงอย่างช่วยไม่ได้ หันกลับไปมองพี่รองอย่างต้องการความช่วยเหลืออีกครั้งก็ได้แต่ท่าทางบอกว่าขอให้รอดชีวิตกลับมาของพี่แกแทน เอิ่ม...ขอขอบพระคุณยิ่งด้วยใจจริงที่กรุณา -__-



มือบางเคาะไปที่บานประตูเบาๆ แต่ไม่มีสัญญาณตอบรับกลับมาจึงได้ถือวิสาสะบิดประตูเข้าไปถึงได้รู้ว่ามันไม่ได้ล็อคอย่างที่คิด..



ภายในห้องทำงานของหัวหน้าวงมืดสนิทมีเพียงแสงไฟจากจอคอมพิวเตอร์เท่านั้นที่ยังทำงานอยู่พอให้ชายหนุ่มเห็นว่าอะไรเป็นอะไร ดวงตากลมโตสอดสายตาหาคนที่ต้องการในความมืดแต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยอะไรออกไปน้ำเสียงเรียบนิ่งจากคนที่นั่งอยู่หน้าจอแอลซีดีเครื่องบางก็ดังขึ้นมาจนคนฟังแอบสะดุ้งเบาๆ



“มีธุระอะไรหรือเปล่า...”



แดฮยอนพรูลมหายใจอยู่หน้าประตูรวบรวมความกล้าให้ตัวเองอยู่สักพักก่อนจะเดินก้าวเข้าไปหาร่างที่นั่งอยู่หลังเก้าอี้นวมสีเข้มแบบไม่คิดที่จะหันมามองผู้บุกรุกเลยสักนิด



“ผมเองฮะพี่ยงกุก”



ยงกุกหมุนเก้าอี้หันมาเผชิญหน้ากับคนตัวเล็กตรงๆ ร่างของแดฮยอนที่ตอนนี้เหมือนโดนแช่แข็งไปแล้วเมื่อเจอดวงตาคมนั้นสบมองมา คิ้วเรียวขึ้นหนึ่งยกขึ้นเป็นเชิงถามว่ามีอะไร



“ผมไม่รู้ว่าพี่เป็นอะไรถึงได้พยายามหลบหน้าผม”



แดฮยอนยิงเข้าคำถามอย่างไม่อ้อมค้อมเพราะเขาก็อยากจะรู้ถึงสาเหตุที่ยงกุกเริ่มมีอาการแปลกไปจากเดิม ปกติเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นก็แทบจะไม่ค่อยมีบทสนทนากันอยู่แล้วยิ่งมาพักหลังๆ ก็คุยกันแทบนับประโยคได้ ทำตัวเหมือนแค่คนรู้จักทั้งที่ความสัมพันธ์คือคนรักมันไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ..



ยงกุกยังคงมีท่าทีไม่ไหวติงเช่นเดิมนอกจากจ้องมองคนตรงหน้านิ่งซึ่งร่างบางเองก็จ้องกลับเช่นกันจนเกิดความเงียบเข้าปกคลุมคนทั้งคู่อีกชั่วขณะ



“ผมไม่รู้ว่าพี่เป็นอะไรทั้งที่ผมก็ยังปฏิบัติกับพี่เหมือนเดิม พอจะเข้าหาพี่กลับถอยห่าง พอบอกรักก็ทำเหมือนรับรู้แต่ก็ไม่สนใจ ตกลงเรายังเป็นคนรักกันอยู่หรือเปล่าพี่ยงกุก..”



ยงกุกสังเกตได้ถึงน้ำใสที่เอ่อขึ้นมาจากนัยน์ตาของคนตรงหน้า ริมฝีปากสีสดที่ทำให้เขาเสพติดได้ทุกครั้งกำลังเม้มเข้าหากันราวกับจะกลั้นเสียงสะอื้นไห้ ใจของคนมองเผลอกระตุกไปชั่วครู่ เขาแพ้น้ำตาของแดฮยอนเสมอไม่ว่าเมื่อไหร่..



และสุดท้ายก็ต้องพ่ายให้กับความอ่อนแอตรงหน้า เขาไม่ชอบที่จะเห็นแดฮยอนเสียใจ ชายหนุ่มลุกขึ้นคว้าร่างของอีกคนเข้ามาในวงแขนและกระชับกอดแน่นราวกับกลัวว่าคนตรงหน้าจะหายไป แรงสั่นน้อยๆ จากคนในอ้อมกอดเป็นเหมือนเข็มนับพันที่ทิ่มแทงเขาให้ตระหนักได้ดีเหลือเกินว่าเขาทำให้อีกคนเสียใจมากเพียงใด



“อย่าร้องไห้เลยนะ...ที่รัก ผมขอโทษ”



ปากพร่ำบอกคำขอโทษอยู่ข้างหูพอๆ กับวงแขนแกร่งที่ยังไม่ยอมคลายออก จองแดฮยอนในมุมที่อ่อนแอก็เป็นเพียงแค่เด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้นยิ่งได้ยินเสียงสะอื้นไห้ก็ยิ่งน่าสงสาร ร่างบางกอดตอบยงกุกแน่น แดฮยอนรักชายผู้นี้เหลือเกินถึงได้ยอมทำทุกอย่างเพื่อที่จะไม่เสียเขาไป ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขามีความรู้สึกว่าอีกคนเริ่มถอยห่างนั่นทำให้ร่างบางเริ่มใจเสียถึงได้รวบรวมความกล้าเข้ามาคุยกับยงกุกตรงๆ เหมือนอย่างตอนนี้



นานกว่าหลายนาทีกว่าคนที่สวมกอดเอาจะสงบมือเรียวดันอกของร่างสูงกว่าออกห่าง มือหนาของยงกุกยกขึ้นเกลี่ยหยดน้ำใสบนใบหน้าเนียนให้อย่างเบามือ



“ไม่ร้องแล้วนะครับ?”



ร่างน้อยยังคงเหลือเสียงสะอื้นแต่ก็พยายามกลั้นเอาไว้ท่าทีแบบนั้นมันทำให้ยงกุกยกยิ้มเบาๆ อย่างนึกเอ็นดู มือหนาจัดปอยผมที่ดูเหมือนจะเริ่มยาวขึ้นเล็กน้อยให้อย่างเบามือแล้วผละออกมามองใบหน้าของคนน่ารัก เหมือนสงครามประสาทเล็กๆ ที่ก็ยังไม่มีใครยอมพูดอะไรออกมามีเพียงคนสองคนที่นั่งจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใครจนสุดท้ายก็เป็นคนอายุน้อยกว่าเสียเองที่เป็นฝ่ายยอมแพ้



ร่างสูงทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ตัวใหญ่ก่อนจะดึงข้อมือบางให้ลงมานั่งบนตัก ส่วนแขนอีกข้างก็ตวัดเกี่ยวเอวของแดฮยอนเอาไว้หลวมๆ คนด้านบนเหมือนจะตกใจไปชั่วครู่ก่อนจะยอมนั่งนิ่งๆ ให้อีกคนสวมกอดเหมือนอย่างที่เคยทำบ่อยๆ ใบหน้าสวยที่ขยับนิดเดียวริมฝีปากของร่างสูงก็กระทบกับผิวเนื้อนิ่มแล้ว คงไม่ต้องบอกว่าตอนนี้พวกเขาสองคนใกล้กันขนาดไหน..



“ตกลงว่าพี่ยงกุกจะตอบคำถามผมได้หรือยังฮะ?”



แดฮยอนถามย้ำอีกครั้งอย่างต้องการคำตอบ ยงกุกนิ่งไปสักพักก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วเริ่มเอ่ยถึงสิ่งที่ร่างบางต้องการ



“กับเพื่อนนายคนนั้นน่ะ เบิร์ด ปาร์ค อะไรนั่นถอยห่างออกมาหน่อยได้มั้ย”



“พี่ไม่พอใจที่ผมอยู่กับเขาเหรอฮะ?”



“ไม่ได้จะห้ามเจอกันนะแต่ฉันแค่ไม่สบายใจ...



 “ฉันไม่ใช่คนที่เอาใจเก่งแต่เพื่อนคนนั้นกลับรู้ใจนายมากที่สุด เขาไปกับนายได้ทุกที่ในขณะที่ฉันแทบไม่มีเวลาให้ ฉันมันก็แค่ผู้ใหญ่ชอบสั่ง ชอบบงการ ไม่ใช่คนหวานเหมือนคู่อื่นๆ ฉันมัน..!



สัมผัสนุ่มหยุ่นบนเรียวปากดูดกลืนทุกคำพูดของยงกุกไปจนสิ้น ไม่มีการรุกล้ำใดๆ ก่อนจะผละออกเหลือทิ้งไว้เพียงความอ่อนหวานบนเรียวปากนุ่ม



“ผม รัก พี่ ยง กุก ที่ สุด ฮะ”



มือเรียวประคองใบหน้าของคนรักเอาไว้ก่อนจะจ้องไปที่ดวงตาของยงกุกและเอ่ยเน้นทุกคำพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น



 “ผมบอกพี่ไปกี่ครั้งแล้วว่าผมชอบพี่ที่เป็นตัวพี่เอง ผมยอมเป็นแฟนกับพี่ยงกุกเพราะรักในสิ่งที่พี่เป็น ได้ยินมั้ยครับว่า..จองแดฮยอน รัก บังยงกุก”



“พูดจาแบบนี้คิดว่าฉันจะรักมากไหม?”



“ไม่รู้สิฮะ แต่ที่ผมรักพี่นั่นคือเรื่องจริง”



แก้มนุ่มโดนขโมยหอมไปเสียฟอดใหญ่ก่อนจะผละออกมาแล้วเปลี่ยนเป็นอีกข้าง ร่างที่ยังคงอยู่ในพันธนาการได้แต่ดิ้นหนีสัมผัสซุกซนราวกับจะแกล้งนั้นซ้ายทีขวาทีจนคิดว่าอีกไม่นานแก้มเขาคงต้องช้ำเป็นแน่



“งื่ออออออ!! แก้มแดฮยอนช้ำหมดแล้วพี่ยงกุกกกกกกกก!!



“อย่าไปพูดจาแบบนี้กับใครนะแล้วฝากบอกจองแดฮยอนด้วยว่าหวง”



พูดจบก็ขโมยหอมแก้มนิ่มนั้นไปอีกรอบอย่างนึกมันเขี้ยว



“ถ้าหวงก็ดูแลให้ดีๆ นะฮะเพราะหัวใจของจองแดฮยอนมีแค่ดวงเดียว..และตอนนี้มันอยู่ที่บังยงกุก”



นัยน์ตาหวานจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคมจนเห็นกันและกันสะท้อนอยู่ในนั้น และเหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่างที่ทำให้ใบหน้าของทั้งสองเข้าใกล้กันจนช่องว่างระหว่างริมฝีปากหายไปจนหมด ฝ่ามือที่ประสานกันแน่นทำให้รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย



“จะดูแลอย่างดี ฉันสัญญา”



“ขอบคุณครับ ผมรักคุณนะ”



“ฉันก็รักนาย...”



เปลือกตาสีน้ำนมปิดลงพร้อมกับรับจูบแผ่วเบาบนริมฝีปากอีกครั้ง คนตัวบางเอียงคอเล็กน้อยเพื่อให้สัมผัสนั้นแน่นขึ้น ยงกุกไล่เล็มความหวานจนพอใจก่อนจะยอมผละออกมาอย่างอ้อยอิง..



“..ไปนอนเถอะนี่ดึกมากแล้วเดี๋ยวสายๆ จะพาไปเที่ยว ชีทเค้กไถ่โทษสักสามก้อนเป็นไง?”



ห้าชิ้นเลยฮะ



แดฮยอนต่อรองพร้อมกับกางนิ้วทั้งห้า ร่างเล็กบนตักมองยงกุกตาแป๋วราวกับออดอ้อนที่เป็นไม้ตายที่แดฮยอนเอาออกมาใช้ทีไรบังยงกุกต้องพ่ายแพ้ทุกที



“โอเคๆ ห้าชิ้นก็ห้าชิ้นเลี้ยงทั้งชีวิตก็ยังได้”



“พูดแล้วนะฮะ!



จุ๊บ!



“กู๊ดไนท์คิสครับ”



ทุกการกระทำผ่านไปไวมากรู้ตัวอีกทีแดฮยอนก็ลุกออกจักตัวของยงกุกไปยืนอยู่หน้าประตูเสียแล้ว ชายหนุ่มส่ายหน้าให้กับความแสบปนน่ารักของอีกคนด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม



“ไปได้แล้ว”



ร่างสูงแกล้งเอ่ยไล่ก่อนจะได้เห็นสีหน้ามุ่ยๆ ของคนตัวเล็กลับมาแทน



“ไล่เลยเหรอ?”



“อืม” ตอบแบบไม่ต้องคิด



“คนแก่ใจร้าย”



“แต่นายก็รักคนใจร้ายคนนี้ไม่ใช่เหรอ”



“ไม่!.....ไม่ปฏิเสธ :p



 “แสบนักนะ



“เอ่อ...พี่ยงกุก”



“ว่าไงครับ?”



พี่คงจะเห็นที่ผมทวิตไปแล้วแต่ผมก็อยากจะบอกว่า.. สุขสันต์วันเกิดนะครับ ผมอาจจะไม่ใช่แฟนที่ดีที่สุดแต่ผมรักพี่ที่สุดนะฮะ แล้วก็..........”



 “...........” 




สุขสันต์วันครบรอบ 2 ปีของเรา
.
.
.
.


-FIN-





จบแบบป่วงๆ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ *กราบเบญจางค์*